ประวัติมูลนิธิ

            มูลนิธิจิตตานุเคราะห์ ตั้งอยู่ที่ 2991/7 ถนนลาดพร้าว ซอย 101/3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 ตั้งอยู่ที่เดียวกับบริษัท โพรมิเน้นท์ ฟลูอิด คอนโทรลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทางบริษัทฯ จะนำพนักงานไปสัมมนาต่างจังหวัดปีละ 1-2 ครั้ง ทุกครั้งที่ไปจะนำเครื่องแบบนักเรียน เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ เครื่องกีฬา เช่น ลูกฟุตบอล ลูกบาสเก็ตบอล หมากรุก หมากฮอร์ส ไม้ปิงปอง ไม้แบดมินตันรวมไปถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ ไปมอบให้โรงเรียนที่ผ่านไปเช่น ที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน,อำเภอเมือง จังหวัดระนอง,อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา,อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน,อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น
             
           ทั้งนี้โดยไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน เพียงแต่ประสงค์ที่จะช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนในชนบทเท่านั้น ดังนั้นในปี 2540 จึงได้ดำริที่จะจัดตั้งมูลนิธิ โดยมีวัตถุประสงค์ ที่จะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนในชนบทเป็นหลัก และทะนุบำรุงพระศาสนาโดย สร้างโบสถ์ วิหาร เสนาสนะต่างๆ ช่วยเหลือภิกษุที่อาพาธ เช่นพระภิกษุที่วัดพระธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดป่าคำแคนเหนือ จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น และนอกจากนั้นได้นำผ้าป่าและกฐินไปทอดยังวัดต่างๆเป็นประจำทุกปี

​
Name : GOODWILL FOUNDATION (English), Jittanukro Foundation (Thai)

Year of establishment : 1997

Mission : Charitable activities with emphasis on assistance to poor children and renal patients including Buddhist monks and temples in rural areas.

Location : 2991/7 Latprao Road Soi 101/3, Klongchan, Bangkapi, Bangkok 10240 

วัตถุประสงค์และวิสัยทัศน์

วัตถุประสงค์
           มูลนิธิจิตตานุเคราะห์เป็นองค์กรการกุศลเล็กๆที่ดำเนินการโดยไม่หวังผลตอบแทน มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ให้ผู้ยากไร้ในชนบทมีชีวิตที่ดีขึ้น และบำเพ็ญสาธารณกุศลเพื่อช่วยเหลือสังคมให้อยู่กันอย่างมีความสุข โดยมีโครงการต่างๆ ดังนี้
     1. โครงการส่งน้องเรียน ป.ตรี
     2. โครงการมอบอุปกรณ์การเรียนให้โรงเรียนในชนบท
     3. โครงการอบรมธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์
     4. โครงการอบรมคุณธรรมและจริยธรรม
     5. โครงการช่วยวัด

วิสัยทัศน์
     - เพิ่มปัญญา
     - พัฒนาชีวิต
     - สังคมมีสุข
​ปี 2542
          ทางมูลนิธิฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์กรนิติบุคคล โดยใช้ชื่อว่า มูลนิธิจิตตานุเคราะห์ และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Goodwill Foundation,(Thailand) จากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2542 ประกอบด้วยคณะกรรมการ 12 คน ในระยะแรกได้ดำเนินการแจกสิ่งของให้กับเด็กนักเรียนที่ยากไร้ในชนบทและนำญาติธรรมไปทำบุญ และปฏิบัติธรรมยังต่างจังหวัด เช่นที่ แม่ฮ่องสอน ที่ร้อยเอ็ด ที่เชียงใหม่ เป็นต้น
 
Year 1999
          Since 29th Jan 1999 the foundation has been officially registered with the National Cultural Committee as a legal entity named “Goodwill Foundation Thailand” (English) and Jittanukro Foundation (Thai).
ปี 2543
           ทางมูลนิธิฯและคณะญาติธรรมได้เดินทางไปยังประเทศเนปาล กับพระอาจารย์จิตและพระอาจารย์ทวี แห่งวัดดวงแข เพื่อไปรับมอบพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ถือโอกาสเดินทางไปยังสังเวชนียสถานลุมพินี ที่ประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏว่าไม่มีห้องน้ำ ห้องส้วมที่จะให้ญาติธรรมได้ถ่ายทุกข์ทำให้เกิดความยากลำบากและเป็นทุกข์ ดังนั้นเมื่อกลับมายังประเทศไทย จึงได้รวบรวมปัจจัยได้ทั้งหมด 1 ล้าน 5 แสนบาทเศษ และได้ถวายให้ท่านเจ้าคุณ พระราชรัตนรังษี (ป.ว.วีระยุทธ) ท่านเจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล เพื่อสร้างห้องสุขาไว้ในวัดรวม 15 ห้องซึ่งได้ใช้งานมาจนถึงปัจจุบันนี้   
            
Year 2000
           The Foundation made a donation of 1.5 million Baht to the Thai Lumbini Temple of Nepal for the construction of 15 room lavatories.  The Temple is a popular site for Thai Buddhist pilgrims to Lumbini Site, the birth place of Lord Buddha.
ปี 2544
           ทางมูลนิธิฯ ได้ร่วมกับญาติธรรมจัดสร้างปโมทิตะเจดีย์เพื่อเป็นอาจาริยบูชา แด่หลวงปู่หลอด ปโมทิโต (พระครูธรรมธาดา) ท่านเจ้าอาวาสวัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนา) ที่วัดป่าศรีสว่าง ตำบลบ้านขาม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำพู ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านและท่านได้บวชที่นี่เป็นแห่งแรก โดยสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นศาลาปฏิบัติธรรมชั้นที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ บรรจุอัฐบริขารของหลวงปู่หลอด อาทิ สบง จีวร บาตร กาน้ำ เป็นต้น ชั้นที่ 3 เป็นมณฑปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งหลวงปู่ได้มาจากวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก และพระธาตุของหลวงปู่องค์อื่นๆ ชั้นยอดเป็นเจดีย์ทรงลังกา ปัจจุบันถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจัวหวัดหนองบัวลำพู เช่นเดียวกับวัดถ้ำกลองเพล

Year 2001
           The Foundation in cooperation with Buddhist followers built a 3 storey Chedi called Pamotita Chedi in honor of the late Luangpu Lod Pamotito in Nongbualumpu Province.  The Chedi contains corporeal remains of Buddha.
ปี 2546
           ทางมูลนิธิฯได้นำญาติธรรมไปทำบุญทอดผ้าป่า ทอดกฐินยังวัดต่างๆในภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือและภาคใต้ อาทิ วัดวงแข กทม., วัดถ้ำพระ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน, วัดสันติธรรมเชียงใหม่, วัดป่าเจริญธรรม เชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่หลอด ปโมทิโต จำพรรษาเป็นประจำ, วัดเวฬุวัณขันธมาลา ร้อยเอ็ด และพร้อมกันนั้นได้นำสมุดปากกา ดินสอ ขนมต่างๆไปแจกเด็กนักเรียนชาวเขาที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดเป็นโครงการทำบุญบำรุงพระพุทธศาสนาขึ้น

Year 2003
          The Foundation led Buddhist followers to make merits in Thord Pha Ba and Thord Kathin festivals in various provinces in the central, north, northeast and south regions of Thailand.
ปี 2547
           เนื่องจากหลวงพ่ออลงกต แห่งวัดพระบาทน้ำพุ ท่านได้ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นจำนวนหลายร้อยคน ในการนี้จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก ทางมูลนิธิฯจึงได้ชักชวนญาติธรรมนำข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงอาหารเสริม คลอโรฟิล เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์ และได้รวบรวมปัจจัยถวายหลวงพ่อเพื่อใช้ในกิจกรรมเป็นประจำ ต่อมามูลนิธิฯ ได้ขยายความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลคามิลเลียนโซเชียลเซ็นเตอร์ จังหวัดระยอง ซึ่งมีเด็กที่รับเชื้อ HIV. ถึง 50 คน ทางมูลนิธิฯ ได้บริจาคเสื้อผ้า ปากกา ดินสอ ถุงเท้า ให้กับเด็กเหล่านี้เพื่อใช้ในการเรียน ซึ่งได้กลายเป็นโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อ HIV. อีก 1 โครงการ

Year 2004
           The Foundation in cooperation with Buddhist followers made contributions to help AIDS stricken patients in Phra Bath Nampu Temple and the Carmilian Hospital of Rayong.
​ปี 2548
           ทางมูลนิธิฯ ร่วมกับชมรมข้าราชการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตได้จัดให้มีการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดพุทธปัญญา ถนนดวงมณีข้างกระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี ทุกเสาร์-อาทิตย์ที่ 4 ของเดือน โดยมีอาจารย์อมร พร้อมจรรยากุล, อาจารย์ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง อาจารย์แพทย์หญิงอมรา มลิลา หลวงพ่ออำนาจโอภาโส พระอาจารย์ชานนท์ ชยนันโท แห่งวัดป่าเจริญธรรม อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี อาจารย์พระมหาบุญช่วย ปัญญาวชิโร แห่งวัดบางยี่ขัน พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ แห่งวัดบางปลากด หลวงตาพระอธิการศรีธวัช แห่งวัดพุทธปัญญา เป็นองค์บรรยาย และนอกจากนี้ยังจัดให้มีธรรมะสัญจรไปอบรมธรรมที่มูลนิธิบุณย์กัญจนาราม พัทยา จังหวัดชลบุรี, วัดพระธาตุผาแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์, สวนสันติธรรมของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นต้น ทำให้เกิดโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานขึ้นมาอีก 1 โครงการ

Year 2005
           The Foundation arranged regular classes on Vipassana Kammathana at temple in Nonthaburi and several off-site classes in Pattaya, Sriracha, Chonburi, and Petchaboon provinces.
ปี 2549
           เนื่องด้วยทางชมรมข้าราชการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ได้นำญาติธรรมไปบริจาคสิ่งของให้วัดเขาสาปที่จังหวัดระยอง ทางมูลนิธิฯจึงได้นำสิ่งของไปสมทบด้วย ซึ่งทางวัดได้รับอุปการะเด็กนักเรียนชาวเขาให้มาอุปสมทบเป็นสามเณรและศึกษาเล่าเรียนอยู่ภายในวัดตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมปีที่ 6 และส่งเสียให้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ทางมูลนิธิฯ จึงได้นำสมุด ปากกา ดินสอ คอมพิวเตอร์ ข้าวสาร อาหารแห้งไปถวาย และรับเด็กนักเรียนที่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยไว้ในอุปการะ ซึ่งทางมูลนิธิฯได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยรับเด็กนักเรียนบ้านโพนดวนสาวเอ้ อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ดไว้ในอุปการะรวม 8 ราย และรับเด็กนักเรียนจากจังหวัดสุโขทัย และ อุตรดิถ ที่ถูกน้ำท่วมโคลนถล่มทับบ้านเรือน บิดา มารดาสูญหายไปกับสายน้ำไว้ในอุปการะอีก 8 ราย รับเด็กนักเรียนจากอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ลูกศิษย์พระอาจารย์เจน แห่งวัดป่าสระแก้วไว้ในอุปการะอีก 4 ราย รับเด็กนักเรียนจากอำเภอดอยหล่อ ลูกศิษย์พระอาจารย์สัมภาษณ์สัมภาโส แห่งวัดสวนธรรมรสไว้ในอุปการะอีก 8 ราย นอกจากนี้ยังได้รับอุปการะเด็กนักเรียนในจังหวัดอื่นๆ อีก อาทิ จังหวัดอุดรธานี ที่เป็นเด็กป่วยของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เด็กในจังหวัดสระบุรี, เด็กนักเรียนในจังหวัดนครนายก เป็นต้น รวมเด็กนักเรียนที่อยู่ในอุปการะประมาณ 51 ราย จึงเป็นเหตุให้เกิดโครงการมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสในชนบท

Year 2006
           The Foundation has extended its program of granting scholarships to students from high school level to university level. They are poor students in rural schools. The total number of under-privileged rural students under this program is increased to 51.
ปี 2550                             
           ตามที่มูลนิธิจิตตานุเคราะห์ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2542 อยู่ที่ เลขที่ 2991/7 ลาดพร้าว 101/3 คลองจั่น บางกะปิ กทม.10240 โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ในชนบทโดยให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ และผู้ป่วยโรคไต ด้วยเห็นว่ามีผู้ป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นมาก จากมลพิษของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกับเกษตรกร และผู้ป่วยโรคไตวาย ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 3 เดือน หากไม่ได้รับการรักษา ทางมูลนิธิฯ จึงได้ร่วมกับนายแพทย์อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ หัวหน้าหน่วยโรคไตเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายแพทย์ทวี ศิริวงศ์ หัวหน้าสาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เริ่มต้นโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตที่ยากไร้ในชนบท โดยรับผู้ป่วยโรคไตเด็กไว้ในอนุเคราะห์รวม 5 ราย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 ดังนี้

1. ด.ญ.ฝนทิพย์ มุงคุณคำซาว อายุ 11 ปี เป็นบุตรของเกษตรกร อยู่ที่กิ่งอำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น ป่วยเป็นโรคไตตั้งแต่ปี 2549 ทางมูลนิธิได้ให้ความอนุเคราะห์โดย บริจาคน้ำยาล้างไตทางช่องท้อง เดือนละ 140 ชุด คิดเป็นเงินเดือนละ 18,000 บาท จนได้รับการเปลี่ยนถ่ายไตเปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งทางมูลนิธิฯได้ติดตามผลมาอย่างต่อเนื่อง

2. ด.ช.ภาสกร จันทร์หล้า อายุ 13 ปี เป็นเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านป่าปอ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ โดยบริจาคน้ำยาล้างไตทางช่องท้องให้ เดือนละ 140 ชุด ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2551 และได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2551 ทางมูลนิธิฯ ยังได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเปลี่ยนไตเป็นเงิน 150,000 บาท และบริจาคค่ายากดภูมิคุ้มกันอีกเดือนละ 30,000.- บาท อีก 6 เดือน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามผล

3. ด.ช.อาทิตย์ ศรีอ่อนสุด อายุ 13 ปี เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้รับการเปลี่ยนถ่ายไต เมื่อ 7 กรกฎาคม 2551 ต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ทางมูลนิธิฯ ได้บริจาคค่ายาเป็นเงินเดือนละ 12,000 บาท รวม 4 เดือน รวมเป็นเงิน 48,000 บาท

4. นางสาววราภรณ์ สิทธินคร อายุ 18 ปี เป็นเด็กนักเรียนตำบลสิงห์โคก อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการปลูกถ่ายไต แต่ร่างกายปฏิเสธไตใหม่ จึงต้องตัดไตทิ้งและทำการล้างไตทางช่องท้องอีกครั้งหนึ่ง ทางมูลนิธิได้บริจาคน้ำยาล้างไตให้ เดือนละ 140 ชุด คิดเป็นเงิน เดือนละ 18,000 บาท ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังได้รับอุปการะเด็กนักเรียนที่ป่วยเป็นโรคไตรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

5. เด็กหญิง วาสนา ผิวละออ อายุ 13 ปี เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนฤทัยทิพย์ อยู่ที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดเพ็ชรบูรณ์ ป่วยเป็นโรคไตวายตั้งแต่ปี 2549 รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทางมูลนิธิได้อนุเคราะห์ช่วงเหลือออกค่ารักษา ให้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นมา เป็นเงินเดือนละ 2,500 บาท จนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้เกิดโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตที่ยากไร้ในชนบท

Year 2007
           In cooperation with Dr. Apichart Jirawuthipongs, Head of Child Nephrology, and Dr. Dhavee Siriwongs, Head of Nephrology Section, Srinagarin Hospital, Khon Kaen University, the Foundation has initiated a project to help poor kidney patients in rural areas. Five patients have been provided medical and financial assistance enabling them to receive kidney dialyses and/or renal transplants.
ปี 2551
           ในวันที่ 3 เมษายน 2551 ทางมูลนิธิได้ร่วมกับโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดตั้งห้องไตเทียมเพื่อทำการฟอกไตให้ผู้ป่วย โดยเริ่มรับผู้ป่วยเข้ามาทำการรักษา ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2551 เปิดบริการตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้บริการวันละ 1 รอบ รับผู้ป่วยได้รอบละ 6 ราย รักษาได้ 12 รอบ/สัปดาห์ 48 รอบ/เดือน ต่อมาได้เพิ่มเป็นวันละ 2 รอบ รักษาได้ 18-20 ราย รวมเป็น 36 รอบ/สัปดาห์ 144 รอบ/เดือน ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 23 ปี โสด ระดับการศึกษาชั้นปริญญาตรี ประวัติการรักษา ไตวายครั้งแรก อายุ 17 ปี รักษาด้วยการฟอกเลือดและได้รับการเปลี่ยนถ่ายไต แต่ร่างกายมีปัญหาปฏิเสธไตใหม่ หลังเปลี่ยนไตได้ 6 ปี ซึ่งต้องการรับการรักษาโดยการฟอกเลือดอีกครั้งและรอการเปลี่ยนถ่ายไตเป็นครั้งที่ 2 สำหรับห้องไตเทียม ทางมูลนิธิได้ซื้อเครื่องฟอกไตให้ทางโรงพยาบาลรวม 2 เครื่อง ยืมทางโรงพยาบาลมาอีก 2 เครื่อง มูลนิธิฯซื้อเครื่องล้างตัวกรองเพิ่มอีก 1 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ทำการจ้างนายแพทย์ 1 คน พยาบาล 1 คนและกำลังเพิ่มเป็น 2 คน ผู้ช่วยพยาบาล 2 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน พนักงานทำความสะอาด 1 คน มีค่าใช้จ่ายเป็นค่าอุปกรณ์และน้ำยาล้างไต เดือนละ 100,000 บาท – 200,000 บาท ค่าบุคคลากรเดือนละ 70,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกตกปีละ 2 ล้าน 3 แสนบาท และมีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้ประกอบอาชีพเพื่อจะได้มีรายได้หาเลี้ยงครอบครัว โดยให้ยืมเงินทุนรายละ 30,000-50,000 บาท ทางมูลนิธิฯ หวังว่า ผู้ป่วยจะมีสุขภาพดีขึ้นผู้ป่วยเด็กสามารถไปโรงเรียนได้ ผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลสามารถรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นได้

Year 2008
           In April 2008 the Foundation in cooperation with Srinagarin Hospital, Khon Kaen University, has set up an “Artificial Kidney” room to provide dialysis to kidney patients.

The “Artificial Kidney” room is equipped with 4 kidney dialysis machines (2 owned by the Foundation and 2 on loan from the Hospital). It is operated by 1 physician, 1 nurse and 2 assistants. Total annual operating costs amount to Baht 2.30 million.
ปี 2552 
           ทางมูลนิธิได้นำญาติธรรมไปปฏิบัติธรรมยังสถานปฏิบัติธรรมที่ต่างๆหลายแห่ง และได้รับอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ณ วันพุทธปัญญามาเป็นเวลานานพอสมควร จึงอยากให้ญาติธรรมมีประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ เพื่อเป็นการฝึกความอดทน หรือขันติ ฝึกสติในการเดิน ฝึกสมาธิภาวนาในป่าซึ่งเป็นที่วิเวก จึงได้เรียนเชิญอาจารย์กะลาเรปะ ให้นำเดินธุดงค์และปฏิบัติธรรม โดยเริ่มจากภูหลวง จังหวัดเลยเป็นแห่งแรก อาจารย์ได้พาเดินในที่ทั้งสบายและทั้งลำบาก และให้ธรรมมะในตอนกลางคืน โดยอุปมาอุปมัยว่า อารมณ์ก็เหมือนเมฆที่มีทั้งดำและทั้งขาว หรือเทาๆ เปรียบเทียบเหมือนกุศล อกุศล หรือเป็นกลางๆ ผ่านมาในจิตก็ให้พิจารณาว่าเราเป็นเพียงผู้ดู ผู้รู้ ไม่อิน อม จม ลอยไปกับมันแล้วมันก็จะผ่านเลยไป ให้มีความรู้ตัวและมีสติให้จิตตั้งมั่นเท่านั้นเป็นพอ
           นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯยังได้นำญาติธรรมไปธุดงค์ที่ภูทับเบิก, เขาหัวนกอินทรีย์ผาซ่อนแก้ว, ทุ่งแสลงหลวง, ภูกระดึง, ดอยอินทนนท์ ผาแง่ม ดอยหัวเสือ, ดอยช้างเผือก กาญจนบุรี ฯลฯ ได้รับธรรมะและได้ตะบะที่แข็งกล้าขึ้น จึงเป็นโครงการพาญาติธรรมไปเดินธุดงค์เป็นประจำทุกปี

Year 2009
           In addition to the usual Vipassana Kammathana, the Foundation has brought Buddhist followers to practice Dhutanga (Thai = Thudong) in the Phu Luang forest by Archan Kalarepa.  Other places for Thudong include Phu Tabberg, Pha Sonkaew, Tung Salang Luang, Phu Kadueng, Doi Inthanon, etc.
ปี 2553
           ทางมูลนิธิฯ ได้ร่วมกับญาติธรรมจัดสร้างธุดงค์สถานบ้านทางแดงที่ผาซ่อนแก้วให้อาจารย์กะลา เรปะ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์ และผู้สนใจ ได้สร้างโรงครัว ห้องสุขา บ้านดิน และถังเก็บน้ำ ถวายอาจารย์กะลา ต่อมาอาจาย์ได้จัดหาที่ดินที่ภูทับเบิกได้ 40 กว่าไร่ จึงได้ให้ลูกศิษย์ จับจองเพื่อสร้างที่พักไว้ภาวนา และ จัดระบบประปาไฟฟ้าสร้างถนนหนทางและศาลาปฏิบัติไว้ให้สาธุชนได้มาปฏิบัติกัน
           
Year 2010
          The Foundation in cooperation with Buddhist followers has built a center for Thudong by Archan Kalarepa at Pha Sonkaew.  Later on Archan Kalarepa has acquired a piece of land of 40 rai at Phu Tabberg and subdivided the area for Buddhist followers for building shelter for meditation.
ปี 2554
           ในการที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ลงมาถึงภาคกลาง เช่น จังหวัดสระบุรี อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทางมูลนิธิฯได้ร่วมกับบริษัทฯโพรมิเน้นท์ ฟลูอิด คอนโทรลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำเครื่องกรองน้ำปริสุทธิไปบริการประชาชนในที่ต่างๆได้ทำข้าวกล่อง หาน้ำดื่มของใช้ ข้าวสารอาหารแห้งไปแจกยังที่ต่างๆ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยนำสิ่งของไปแจกให้ประชาชนที่วัดป่าสระแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์, ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมที่ปรัสบภัยน้ำท่วม, ได้บริจาคเงินให้สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในภาคใต้, ผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น นำเงินไปบริจาคให้มูลนิธิเด็กอ่อนรังสิต มูลนิธิธรรมรักษ์เป็นต้น อันเป็นมูลเหตุให้เกิดโครงการบำเพ็ญสาธารณกุศลขึ้น

Year 2011 
           The Foundation helps relieve damages to victims of natural disaster.  During the last quarter of 2011, the worst flood hit Thailand in most of the provinces of north, northeast, central including Greater Bangkok, the Foundation in cooperation with Prominent Fluid Control (Thailand) Co. Ltd., provided water purification devices to the flood victims in addition to other foods.
ปี 2555
           มูลนิธิฯได้ย้ายสถานที่อบรมวิปัสสนากรรมฐานจากวัดพุทธปัญญามายังบ้านธรรมวารี อยู่ที่ 69/26 ถนนคุ้มเกล้าหมู่บ้านศุภาลัยเลค 1 ซอยคุ้มเกล้า 8  เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยมีพระอาจารย์ชานนท์ ชยนันโท แห่งวัดป่าเจริญธรรม จังหวัดชลบุรี เป็นองค์บรรยายทุกๆ อาทิตย์ที่ 4 ของเดือน ซึ่งก่อนหน้านั้น พระอาจารย์หลง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ ได้มานำสวดมนต์ทำวัตรเย็นทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 น.-17.00 น. อยู่ก่อนแล้วเป็นเวลา 2 ปีเศษแล้ว

Year 2012
           The Foundation has moved the site for Vipassana Kammathana from Buddhapanya Temple to Ban Thammavaree situated in Supalai Lake 1 Village, Kumklao Road, Latkrabang, Bangkok.
ปี 2556
ในปีนี้ทางมูลนิธิจิตตานุเคราะห์มีโครงการต่างๆ รวม 6 โครงการ ได้แก่
1. โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตที่ยากไร้ในชนบท, มีเครื่องฟอกไตรวม 5 เครื่อง ไว้บริการผู้ป่วยได้วันละ 10 ราย
2. โครงการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสในชนบท ขณะนี้มีเด็กนักเรียนที่ได้รับไว้ในอุปการะรวม 65 ราย
3. โครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ได้จัดให้มีการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน ณ บ้านธรรมวารีทุกวันอาทิตย์ที่4ของทุกเดือน
4. โครงการช่วยเหลือผู้ป่ายโรคเอดส์ระยะสุดท้ายและเด็กที่ติดเชื้อ HIV โดยได้นำสิ่งของไปมอบให้ผู้ป่วยที่วัดพระบาทน้ำพุ และโรงพยาบาลคามิลเลียนโซเชียนเซนเตอร์เป็นประจำ
5. โครงการบำเพ็ญสาธารณะกุศลโดยมอบสิ่งของให้ผู้ประสบภัย และนำสิ่งของไปมอบให้เด็กชาวเขา และตามโรงเรียนต่างๆ เป็นประจำ
6. โครงการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ได้นำผ้าป่า กฐิน เครื่องสังฆทานและระบบประปาไปติดตั้งให้วัดต่างๆ มากกว่า 50 แห่งแล้ว

ทางมูลนิธิฯ ใคร่ขอเชิญชวนท่านผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฯ ตามโอกาศอันสมควร

Year 2013
           Overall, the Foundation has operated following 6 ongoing projects:
1. Project to assist poor rural kidney patients:  operate 5 kidney dialysis machines servicing 10 patients per day.
2. Project to grant scholarships to under-privileged rural students:  65 students are receiving grants.
3. Project to teach Vipassana Kammathana:  training is arranged every 4th week of the month at Ban Thammavaree.
4. Project to assist terminal AIDS patients and HIV infected children:  donation of necessities to patients at Phra Bath Nampu Temple and Carmilian Hospital on regular basis.
5. Project to assist public services:  donation of necessities to disaster victims and minority mountain tribal children and schools on regular basis.
6. Project to promote Buddhism:  provide Thord Pha Ba, Thord Kathin, and water purification plants to over 50 temples across the country.

On this occasion, the Foundation welcomes your participation in our activities.
ปี 2560

ในปี 2560 ทางมูลนิธิฯ มีการเปลี่ยนแปลงโครงการต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจกรรม ดังนี้
​
 1. โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตผู้ยากไร้ในชนบท ที่ทางมูลนิธิฯได้ดำเนินการอยู่ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นนั้น ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลได้จัดตั้งศูนย์โรคไตอื่น และมีเครื่องฟอกไตใหม่ถึง 57 เครื่อง ประกอบกับทางโรงพยาบาลต้องการสถานที่ของหน่วยโรคไต 4 จ. คืน เพื่อไปจัดทำหอพักผู้ป่วยใน ทางมูลนิธิฯจึงได้หยุดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2560 เป็นต้นมา และได้บริจาคเครื่องฟอกไตให้กับโรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 6 เครื่อง และอุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดัน รถเข็น เครื่อง EKG ให้กับโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลชะอำ ตำบลโนนตูม อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

2. โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ และผู้ติดเชื้อ HIV ตามที่มูลนิธิฯได้ให้เงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่โรงพยาบาลคามิลเลียนโซเชียลเซ็นเตอร์ และวัดพระบาทน้ำพุเรื่อยมานั้น แต่เนื่องด้วยทางมูลนิธิฯมิได้เป็นผู้ดำเนินการเอง จึงทำให้การช่วยเหลือไม่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ทางมูลนิธิฯเล็งเห็นว่าไม่อาจช่วยเหลือหน่วยงานเหล่านั้นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงคิดที่จะระงับแผนการช่วยเหลือไว้ก่อนแล้วมาดำเนินการในโครงการที่มีอยู่ให้เต็มที่

3. โครงการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ด้วยในปัจจุบันทางมูลนิธิฯ มักจะนำอุปกรณ์การเรียนไปมอบให้กับโรงเรียนต่างๆ เมื่อนำทุนการศึกษาไปมอบให้กับนักเรียนเป็นประจำอยู่แล้ว จึงเปรียบเสมือนเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งจะได้ผลเป็นรูปธรรมมากกว่าการช่วยเหลือประชาชนเป็นคราวๆไป จึงได้ระงับโครงการนี้ลง เพื่อนำเงินและสิ่งของไปอุดหนุนโรงเรียนให้มากขึ้น และได้เปลี่ยนเป็นโครงการมอบทุนการศึกษาและโครงการมอบอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนในชนบท

​4. โครงการอบรมคุณธรรมและจริยธรรม ด้วยนักเรียนเพื่อนที่ปรึกษา (Young Counselor) ของโรงเรียนบ้านโพนดวนสาวเอ้ ได้มารับการอบรมเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมที่บ้านธรรมวารี อันเป็นสถานที่สถานปฏิบัติธรรมของมูลนิธิจิตตานุเคราะห์ ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ได้นำความรู้ความเข้าใจไปใช้กับการให้คำปรึกษา ทางมูลนิธิจึงมีดำริที่จะนำโครงการไปต่อยอดกับครูอาจารย์ของโรงเรียนต่างๆ จึงได้เริ่มทดลองให้ความรู้กับครูโรงเรียนบ้านโพนดวนสาวเอ้ ปรากฏว่าครูได้ยอมรับและเปิดใจมากขึ้น จึงได้ขยายผลไปอบรมครูโรงเรียนสตรีศรีน่าน จังหวัดน่าน ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทางมูลนิธิจึงได้จัดทำเป็นโครงการเพื่ออบรมครู บุคคลากรทางการศึกษา บุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งได้อนุมานจากการวัดผลที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีขึ้นในทางจิตใจทั้งผู้ให้และผู้รับสูงถึง 93% ดังนั้น ทางมูลนิธิฯ จึงได้จัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งโครงการ

5. เนื่องจากทางมูลนิธิฯ ได้ยกเลิกโครงการบางโครงการไปและได้จัดตั้งโครงการใหม่ ดังนี้
    1.) โครงการส่งน้องเรียน ป.ตรี
    2.) โครงการมอบอุปกรณ์การเรียนให้โรงเรียนในชนบท
    3.) โครงการอบรมธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์
    4.) โครงการอบรมคุณธรรมและจริยธรรม
    5.) โครงการช่วยวัด