น้องผู้ประสบความสำเร็จ
"น้ำทิพย์ เรียงพร" เป็นเด็กที่มีความขยันอดทน อยุ่กับตายายที่บ้านโพนดวนสาวเอ้ อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ดด้วยการที่พ่อและแม่แยกทางกัน ต่างไปมีครอบครัวใหม่ มีน้องเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน น้ำทิพย์เรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านโพนดวนสาวเอ้ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมปีที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน
ในปี 2548 ทางมูลนิธิจิตตานุเคราะห์ได้เริ่มโครงการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนผู้ด้อยโอกาสในชนบท น้ำทิพย์เป็นเด็กคนหนึ่งที่ทางโรงเรียนได้คัดเลือกมาให้รับทุนกับทางมูลนิธิฯ เมื่อเธอเรียนจบมัธยมชั้นปีที่ 3 ได้ไปเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 4-6 ในอำเภอสุวรรณภูมิ ทุกครั้งที่ทางมูลนิธิฯนำทุนไปมอบให้กับนักเรียนของโรงเรียนบ้านโพนดวนสาวเอ้ ด้วยความที่เธอมีลักษณะของความเป็นผู้นำ เธอจึงได้เป็นตัวแทนของนักเรียนกล่าวขอบคุณมูลนิธิฯทุกครั้งไป
ต่อมาเมื่อเธอเรียนจบมัธยมปีที่ 6 เธอได้ไปสอบเข้าพยาบาลของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเธอติดหนึ่งในนั้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เธอไม่มีค่าเล่าเรียน 16,000 บาท และเธอไม่ได้ขอมาทางมูลนิธิฯซึ่งเราเสียดายโอกาสนี้มาก มิฉะนั้นเราอาจได้พยาบาลที่มีคุณภาพอีก 1 คนก็ได้ (ซึ่งเรามีเรื่องของพยาบาลสาวจะเล่าในอันดับต่อไป) เธอจึงสละสิทธิแล้วมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามแทน ซึ่งมีค่าเล่าเรียนเพียง 8,000 บาท ด้วยความขยันอดทน เธอจึงไปขออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อไปทำงานที่ร้านขายของของอาจารย์ นับเป็นบุญของเธอที่ได้อาจารย์ที่มีเมตตา อาจารย์นอกจากให้งานเธอแล้ว ยังให้สกูตเตอร์เล็กๆไว้ขี่ไปทำงานและไปโรงเรียนอีกด้วย ทางมูลนิธิฯก็ได้สนับสนุนให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็น ให้เสื้อผ้ารองเท้า นอกเหนือจากทุนการศึกษาปีละ 15,000 บาทแล้ว ยังให้ค่าเทอมและอื่นๆอีก
เมื่อเธอจบการศึกษา เธอได้ทำงานที่บริษัทฯใหญ่แห่งหนึ่งที่สมุทรปราการ เธอได้รับพ่อแม่และน้องๆให้ไปทำงานด้วยกัน การที่มูลนิธิฯให้การสนับสนุนเรื่องการศึกษาก็เพื่อสร้างโอกาสให้เธอสามารถสร้างตัวเองได้ ช่วยครอบครัวได้ และไม่เป็นภาระกับสังคม
ในปี 2548 ทางมูลนิธิจิตตานุเคราะห์ได้เริ่มโครงการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนผู้ด้อยโอกาสในชนบท น้ำทิพย์เป็นเด็กคนหนึ่งที่ทางโรงเรียนได้คัดเลือกมาให้รับทุนกับทางมูลนิธิฯ เมื่อเธอเรียนจบมัธยมชั้นปีที่ 3 ได้ไปเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 4-6 ในอำเภอสุวรรณภูมิ ทุกครั้งที่ทางมูลนิธิฯนำทุนไปมอบให้กับนักเรียนของโรงเรียนบ้านโพนดวนสาวเอ้ ด้วยความที่เธอมีลักษณะของความเป็นผู้นำ เธอจึงได้เป็นตัวแทนของนักเรียนกล่าวขอบคุณมูลนิธิฯทุกครั้งไป
ต่อมาเมื่อเธอเรียนจบมัธยมปีที่ 6 เธอได้ไปสอบเข้าพยาบาลของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเธอติดหนึ่งในนั้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เธอไม่มีค่าเล่าเรียน 16,000 บาท และเธอไม่ได้ขอมาทางมูลนิธิฯซึ่งเราเสียดายโอกาสนี้มาก มิฉะนั้นเราอาจได้พยาบาลที่มีคุณภาพอีก 1 คนก็ได้ (ซึ่งเรามีเรื่องของพยาบาลสาวจะเล่าในอันดับต่อไป) เธอจึงสละสิทธิแล้วมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามแทน ซึ่งมีค่าเล่าเรียนเพียง 8,000 บาท ด้วยความขยันอดทน เธอจึงไปขออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อไปทำงานที่ร้านขายของของอาจารย์ นับเป็นบุญของเธอที่ได้อาจารย์ที่มีเมตตา อาจารย์นอกจากให้งานเธอแล้ว ยังให้สกูตเตอร์เล็กๆไว้ขี่ไปทำงานและไปโรงเรียนอีกด้วย ทางมูลนิธิฯก็ได้สนับสนุนให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การศึกษาที่จำเป็น ให้เสื้อผ้ารองเท้า นอกเหนือจากทุนการศึกษาปีละ 15,000 บาทแล้ว ยังให้ค่าเทอมและอื่นๆอีก
เมื่อเธอจบการศึกษา เธอได้ทำงานที่บริษัทฯใหญ่แห่งหนึ่งที่สมุทรปราการ เธอได้รับพ่อแม่และน้องๆให้ไปทำงานด้วยกัน การที่มูลนิธิฯให้การสนับสนุนเรื่องการศึกษาก็เพื่อสร้างโอกาสให้เธอสามารถสร้างตัวเองได้ ช่วยครอบครัวได้ และไม่เป็นภาระกับสังคม
ท่านที่ต้องการสนับสนุนให้โอกาสชีวิตแก่เด็กนักเรียนเหล่านี้ติดต่อมาได้ที่มูลนิธิจิตตานุเคราะห์
เลขที่ 2991/7 ถนนลาดพร้าวซอย101/3 เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทร. 02-376-0008 หรือ คุณธำรง 081-867-6994
เลขที่ 2991/7 ถนนลาดพร้าวซอย101/3 เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทร. 02-376-0008 หรือ คุณธำรง 081-867-6994